การหานโยบายการสั่งซื้อวัตถุดิบคงคลังประเภทลังกระดาษ
กรณีศึกษา สหกรณ์โคนมวังน้ำเย็น
The Analysis Order Quantity for Carton
Box
Case Study: Wangnamyen Dairy
Cooperative Limited
รัตติยา
เต็มธารทิพย์
สาขาการจัดการโลจิสติกส์
คณะสถิติประยุกต์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์
rinlalida.porju@gmail.com
บทคัดย่อ
งานวิจัยฉบับนี้ทำการศึกษาเกี่ยวกับการจัดการหานโยบายการสั่งซื้อวัตถุดิบคงคลังประเภทลังกระดาษ
กรณีศึกษา สหกรณ์โคนมวังน้ำเย็น การวิจัยครั้งนี้จึงทำการศึกษานโยบายสินค้าคงคลังแบบ
(s,
Q*) และ (T, S) เพื่อเปรียบเทียบระหว่างนโยบายปัจจุบันและ
2 นโยบายใหม่ที่ทำให้ต้นทุนรวมต่ำที่สุด โดยนำข้อมูลการเบิกใช้ในปี 2555 จำนวน 11
ประเภท มาทดสอบหาการแจกแจงและการกระจายตัวของข้อมูล จากนั้นวิเคราะห์หาปริมาณการสั่งซื้อที่ประหยัด
ระดับสินค้าคงคลังสำรอง จุดสั่งซื้อสินค้าใหม่
และระดับสินค้าคงคลังสูงสุดของลังกระดาษ จากผลการศึกษาเมื่อทำการเปรียบเทียบระหว่างนโยบายปัจจุบันและ
2 นโยบายใหม่ในเดือนมกราคม ถึง ธันวาคม 2556 พบว่านโยบายสินค้าคงคลังแบบ (s,
Q*) และ (T, S) มีต้นทุนรวมต่ำกว่านโยบายปัจจุบันประมาณ
59,154 บาท หรือคิดเป็น 48.90% และ 47,455.95
บาท หรือคิดเป็น 39.23% ตามลำดับ
คำสำคัญ: นโยบายการสั่งซื้อ, นโยบายสินค้าคงคลังแบบ (s, Q*), นโยบายสินค้าคงคลังแบบ
(T, S)
Abstract
The objective of this research is to study an inventory
management for Wangnamyen Dairy Cooperative Limited. Mostly they have a problem
either overstock which increases the company’s cost. Thus this research is to
study (s, Q*) and (T, S) policies to compare between the present policy and 2
news policies that is the lowest cost. The regularly demand which is 11 types
in 2012 is tested to find distribution and variability of a demand. Then there
are analyze Economic order quantity, safety stock, reorder point and order up
to level. The result of this research when there are compare between the
present policy and 2 news policies on January – December 2013 found that (s, Q*) and (T, S) policies
has lower total cost than present policy which is 59,154.00 baht or 48.90% and
47,455.95 baht or 39.23% respectively.
Keywords: inventory
management, (s, Q*) policies, (T, S) policies
1. บทนำ
ในปัจจุบันการแข่งขันทางธุรกิจที่สูงขึ้น
ทำให้ทุกองค์กรต่างๆหากลยุทธ์ต่างๆเพื่อลดต้นทุนทางธุรกิจ เช่น การเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของบุคคลากร
การปรับปรุงกระบวนการผลิต การผลิตสินค้าแบบเต็มพลังการผลิต
การใช้บริการบริษัทขนส่ง (Third
party logistics หรือ 3PL) และการบริการการจัดการสินค้าคงคลัง
ในการศึกษาครั้งนี้ได้ทำการศึกษา
สหกรณ์โคนมวังน้ำเย็น ซึ่งเป็นโรงงานผลิตภัณฑ์นมแปรรูป
ดำเนินกิจการด้านผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์นมแปรรูป ยูเอชที และพาสเจอร์ไรซ์
โดยสหกรณ์โคนมวังน้ำเย็น ได้ให้ความสำคัญกับการผลิตทุกขั้นตอน
เริ่มตั้งแต่การคัดสรรวัตถุดิบคุณภาพสูง
ผ่านการตรวจสอบให้ได้มาตรฐานสากลก่อนเข้าสู่กระบวนการผลิตที่มีประสิทธิภาพ
เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ
โดยมีเป้าหมายในการสร้างกำไรสูงสุด อีกทั้งต้องมีสินค้าคงคลัง
เก็บไว้เพื่อให้สามารถตอบสนองความพึงพอใจของลูกค้าได้ทันเวลา
แต่การมีวัตถุดิบคงคลังมากเกินไป จะทำให้มีต้นทุนในการถือครองวัตถุดิบสูง
แต่ถ้ามีการจัดเก็บวัตถุดิบน้อยเกินไปจะส่งผลให้ไม่เพียงพอต่อความต้องการของลูกค้า
ดังนั้นการบริหารสินค้าคงคลังจึงส่งผลกระทบต่อผลกำไรโดยตรง
การเก็บรักษาและการควบคุมสินค้าคงคลังที่ดี
จะช่วยให้สามารถกำหนดการสั่งซื้อให้ตรงตามความต้องการและในปริมาณที่เหมาะสม
เนื่องจากปริมาณวัสดุคงคลังมีผลกระทบต่อความสามารถในการผลิตของเครื่องจักรอย่างสูง
ถ้าหากไม่ได้เตรียมไว้หรือเตรียมไว้ไม่เพียงพอต่อความต้องการใช้งาน
ทำให้เกิดความสูญเสียเมื่อไม่มีวัสดุเพียงพอในการผลิตทำให้การผลิตต้องหยุดชะงักเพื่อรอวัสดุคงคลัง การจัดเก็บวัสดุคงคลังในปริมาณที่ต่ำ เกินไป
สามารถนำไปสู่ความเสี่ยงต่อการสูญเสียโอกาสในการผลิต
และถ้าหากปริมาณวัสดุคงคลังมีปริมาณมากเกินความต้องการใช้งานจะนำไปสู่การสูญเสียค่าใช้จ่ายในการถือครอง
จึงเห็นได้ว่า สินค้าคงคลัง มีความสำคัญต่อธุรกิจเป็นอย่างมาก ในฐานการผลิตของสหกรณ์นั้นสามารถแบ่งออกได้เป็น
3 ชนิดหลักๆ คือ นมตราวังน้ำเย็น
นมโรงเรียน
และยังรับจ้างผลิตนมยูเอชทีให้บริษัท ดูเม็กซ์ จำกัด อีกด้วย
ทั้งนี้จากการศึกษาในขั้นตอนการจัดหาและจัดซื้อวัตถุดิบ
พบว่า โรงงานกรณีศึกษายังไม่มีการจัดหาปริมาณวัตถุดิบคงคลังสำรองให้เหมาะสม ปริมาณในการสั่งซื้อวัตถุดิบแต่ละครั้งมีความคลาดเคลื่อนจากแผนการผลิตเป็นจำนวนมาก
เนื่องจากปริมาณการสั่งซื้อวัตถุดิบในแต่ละครั้งจะขึ้นอยู่กับประสบการณ์ของพนักงานจัดซื้อผู้รับผิดชอบที่อาศัยเพียงบันทึกข้อมูลจากการตรวจนับวัตถุดิบประจำเดือนและการคาดเดาตามการเบิกใช้ข้อมูลในอดีต
โดยไม่มีนโยบายวางแผนทำงานที่ชัดเจน
จนอาจเป็นเหตุให้โรงงานสูญเสียค่าใช้จ่ายต่างๆเพิ่มมากขึ้น
โดยเฉพาะในด้านการจัดเก็บวัตถุดิบคงคลัง
ดังนั้นจึงต้องมีหลักในการสั่งซื้อที่เหมาะสมกับปริมาณการใช้งานจะช่วยลดต้นทุนการสั่งซื้อและการจัดเก็บสินค้าอีกด้วย
2. วัตถุประสงค์ในการวิจัย
1. เพื่อหาปริมาณการสั่งซื้อลังกระดาษที่เหมาะสมของลังกระดาษแต่ละประเภท
2. เพื่อหาปริมาณจุดสั่งซื้อที่เหมาะสมของลังกระดาษแต่ละประเภท
3. เพื่อลดต้นทุนและค่าใช้จ่ายในการสั่งซื้อและจัดเก็บวัตถุดิบคงคลังที่มีเกินความจำเป็น
3. เอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง
นึกรักษ์
หมื่นชนานันท์ (2551) งานวิจัยฉบับนี้ทำการศึกษาหาปริมาณการสั่งซื้อสินค้าที่เหมาะสมของบริษัท
Dynamic
Flow Line จำกัดโดยบริษัทนำเข้าสินค้า Cast Steel Valve จากต่างประเทศ
ซึ่งแต่ละชนิดมีปริมาณและช่วงเวลาที่ต้องการสินค้าแตกต่างกัน สินค้าที่นำมาศึกษามี
4 ชนิด ในการศึกษาครั้งนี้ได้ใช้ทฤษฎี Economic Order Quantity (EOQ) แบบ Basic Model เพื่อลดค่าใช้จ่ายในการจัดเก็บและจำนวนสต็อกสินค้าให้น้อยลงโดยผลที่
ได้จากการคำนวณพบว่าสามารถลดค่าใช้จ่ายลงประมาณ 2.61% หรือ 1,240,987.50 บาท
และสามารถลดจำนวนสต็อกสินค้าได้มากกว่า 10% ของจำนวนสินค้าทั้งหมด
สัมฤทธิ์ ดวงศรี (2551) งานวิจัยนี้ทำการศึกษาหาปริมาณการสั่งซื้อที่เหมาะสมเพื่อลดค่าใช้จ่ายในการสั่งซื้อและลดจำนวนสต็อกสินค้าให้น้อยลง
โดยใช้ทฤษฎี EOQ
และ ROP ในการคำนวณหาปริมาณการสั่งซื้อที่เหมาะสมและจุดสั่งซื้อใหม่ในการควบคุมสินค้าคงคลัง
จากการวิเคราะห์ผลการคำนวณพบว่าการสั่งซื้อด้วยวิธี EOQ มีค่าใช้จ่ายในการสั่งซื้อต่อครั้งและค่าเสียโอกาสในการสั่งซื้อน้อยกว่าการสั่งซื้อแบบเก่า
โดยสามารถลดค่าใช้จ่ายในการสั่งซื้อสินค้าได้ 22,935,255 บาท และลดสต็อกลงได้
54.66% คิดเป็นเงิน 10,200,000 บาท
4. วิธีการดำเนินการวิจัย
การวิจัยเรื่อง
การวิเคราะห์หาปริมาณการสั่งซื้อวัตถุดิบคงคลังประเภทลังกระดาษที่เหมาะสม
โดยทำการศึกษาจากสหกรณ์โคนมวังน้ำเย็นซึ่งเป็นบริษัทที่ทำการรับจ้างผลิตนมดูเม็กซ์ทั้งหมด
11
ชนิด โดยการวิจัยในครั้งนี้มีวิธีการดำเนินงานดังนี้
1. ศึกษาปัญหาที่เกิดขึ้นในระบบการสั่งซื้อวัตถุดิบในปัจจุบัน
2.
ทดสอบปริมาณการเบิกใช้ลัง
3. คำนวณหาค่าใช้จ่ายในการสั่งซื้อ
และ ค่าใช้จ่ายในการจัดเก็บจัดเก็บ
4. การกำหนดนโยบายการสั่งซื้อวัตถุดิบคงคลังด้วยระบบ
5. การกำหนดนโยบายการสั่งซื้อวัตถุดิบคงคลังด้วยระบบ
6. การเปรียบเทียบค่าใช้จ่ายรวมระหว่างการสั่งซื้อแบบปัจจุบัน
การสั่งซื้อโดยใช้ นโยบาย
และ การสั่งซื้อโดยใช้นโยบาย
4.1
ศึกษาปัญหาที่เกิดขึ้นในระบบการสั่งซื้อวัตถุดิบในปัจจุบัน
การสั่งซื้อวัตถุดิบจะเริ่มจากการได้รับแผนการผลิตจากบริษัทดูเม็กซ์ที่ได้ทำการกำหนดปริมาณการผลิตเป็นรายปีมาให้ล่วงหน้า
ซึ่งในบางครั้งอาจมีการปรับเปลี่ยนแผนการผลิตในระหว่างเดือน
และทำการส่งต่อไปยังฝ่ายจัดซื้อของสหกรณ์โคนมวังน้ำเย็น
จากนั้นพนักงานแผนกจัดซื้อจะนำข้อมูลปริมาณวัตถุดิบคงคลังที่เหลือในคลังมาทำการหักออกจะได้ผลลัพธ์ของปริมาณวัตถุดิบที่ต้องใช้จริง
ซึ่งในขั้นตอนนี้ในการคำนวณของฝ่ายจัดซื้อจะทำการยอดการสั่งซื้อลังกระดาษเพิ่มขึ้นเพื่อรองรับต่อการเปลี่ยนแผนการผลิตโดยเฉพาะบางรายการที่มีปริมาณการใช้งานเป็นจำนวนมากเผื่อไว้โดยอาศัยฐานข้อมูลของปริมาณการใช้ในอดีตที่ผ่านมา
และทำการบวกเพิ่มไปอีกเป็นข้อมูลการประมาณการณ์โดยยังไม่มีหลักการณ์หรือทฤษฎีมารองรับ
จุดประสงค์เพื่อป้องกันการขาดวัตถุดิบกรณีที่มีการปรับเปลี่ยนแผนอย่างเร่งด่วน
แล้วทำการออกใบสั่งซื้อไปยังผู้ขาย
จากนั้นทำการติดตามการส่งมอบกับทางแผนกคลังสินค้าว่าได้รับวัตถุดิบตรงเวลาและพอดีกับความต้องการใช้ในการผลิตหรือไม่เพื่อไม่ให้กระทบกับการผลิต
เนื่องจากแผนสั่งผลิตนมชนิดต่างๆมีการส่งแผนล่วงหน้าให้เป็นรายปี
และบางช่วงอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงแผนการผลิตประกอบกับนมดูเม็กซ์มีทั้งหมด 11 ประเภท
ทำให้มีการเก็บวัตถุดิบต่างๆไว้เป็นจำนวนมาก
จะใช้วิธีในการสั่งซื้อมาเผื่อไว้ตลอดทั้งที่ยังมีสต็อกเก่าเพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการเบิกใช้วัตถุดิบในกระบวนการผลิต โดยเฉพาะวัตถุดิบประเภทลังกระดาษที่จะต้องใช้พื้นที่ในการจัดเก็บค่อนข้างมาก
เพราะถ้าหากขาดวัตถุดิบไปจะทำให้สหกรณ์ต้องเลื่อนการผลิตและไม่สามารถส่งสินค้าได้ตรงตามเวลา ขณะเดียวกันสหกรณ์ไม่ได้คำนึงถึงปริมาณการสั่งซื้อที่เหมาะสมรวมถึงค่าใช้จ่ายในการสั่งซื้อและค่าใช้จ่ายในการจัดเก็บ
โดยทางสหกรณ์มีการกำหนดการสั่งซื้อวัตถุดิบตามความเคยชินและไม่มีระบบที่แน่นอน
จากปัญหาดังกล่าวส่งผลที่ตามมาคือหากมีปริมาณวัสดุคงคลังมากเกินไปจะทำให้ต้นทุนในการจัดเก็บสินค้าคงคลังสูงเกินความจำเป็น ดังนั้นทางผู้วิจัยจึงศึกษาข้อมูลการเบิกใช้ลังกระดาษของนมดูเม็กซ์ทั้งหมด 11 ประเภท
โดยเก็บรวบรวมข้อมูลการเบิกใช้ตั้งแต่เดือน มกราคม 2555 ถึง ธันวาคม 2556
4.2 ทดสอบปริมาณการเบิกใช้ลังกระดาษในอดีต
ตรวจสอบข้อมูลการใช้ลังกระดาษในอดีตว่ามีการแจกแจงแบบใด
โดยใช้โปรแกรม Minitab ซึ่งข้อมูลที่จะนำมาใช้ในการวิเคราะห์จะต้องมีการแจกแจงแบบ
Normal Distribution โดยการทดสอบจะอยู่ภายใต้สมมติฐาน ดังนี้
กำหนด H0 : ข้อมูลที่ใช้ทดสอบมีการแจกแจงแบบปกติ
(Normal Distribution)
H1 : ข้อมูลที่ใช้ทดสอบไม่มีการแจกแจงแบบปกติ (Non-Normal Distribution)
รูปที่
1
ผลการทดสอบการแจกแจงของข้อมูลการเบิกใช้ลังกระดาษ
Dumex Mama UHT
Prebio Proteq Plain 180 ml. ของปี 2555
จากรูปที่ 1 พบว่าการเบิกใช้ลังกระดาษ Dumex Mama UHT Prebio
Proteq Plain 180 ml. มีการแจกแจงแบบปกติ โดยดูจากค่า P-value
กล่าวคือ ถ้า P-value มีค่ามากกว่า α ซึ่งเท่ากับ 0.05
แสดงว่าข้อมูลที่ใช้ทดสอบมีการแจกแจงแบบปกติ
และจากการทดสอบหาการแจกแจงลังกระดาษอีก 11 ประเภทนั้น
ได้ทำการทดสอบแบบเดียวกัน โดยทดสอบหาค่าการแจกแจงได้ว่า ข้อมูลทุกชุดนั้นไม่ปฏิเสธการแจกแจงแบบปกติ
ดังนั้นจึงสามารถสรุปได้ว่า ข้อมูลทุกชุดมีการแจกแจงแบบปกติ จากนั้นทำการทดสอบการกระจายตัวของข้อมูลด้วย
Peterson-Silver Rule โดยวัดจากค่าสัมประสิทธิ์ความแปรปรวน (Coefficient
of Variation, CV) เพื่อวัดระดับความต้องการลังกระดาษว่ามีลักษณะคงที่หรือไม่
โดยที่ SD = ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน
โดยสามารถสรุปผลได้ดังนี้
1. ถ้าค่า CV ที่คำนวณได้มีค่าน้อยกว่า 0.25 แสดงว่าระดับความต้องการใช้ลังกระดาษมีลักษณะคงที่
ดังนั้นสามารถที่จะใช้ EOQ ในการคำนวณปริมาณการสั่งซื้อได้
2. ถ้าค่า CV ที่คำนวณได้มีค่ามากกว่าหรือเท่ากับ 0.25
แสดงว่าระดับความต้องการใช้ลังกระดาษความแปรปรวน
ดังนั้นต้องใช้วิธีการอื่นในการคำนวณ เช่น Silver-Meal
จากการคำนวณพบว่า
ค่าสัมประสิทธิ์ของความผันแปรของลังกระดาษนมดูเม็กซ์ทั้งหมด 11 ประเภท มีค่าการผันแปร ต่ำกว่า 0.25
ซึ่งสามารถทำให้ใช้วิธีปริมาณการสั่งซื้อที่ประหยัด ได้
4.3 คำนวณหาค่าใช้จ่ายในการสั่งซื้อ (Setup Cost) ค่าใช้จ่ายในการจัดเก็บ
(Holding Cost) และค่าใช้จ่ายเนื่องจากของขาดแคลน (Shortage
Cost)
4.3.1 ต้นทุนการสั่งซื้อ
ต้นทุนการสั่งซื้อที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้จะนับตั้งแต่ตอนออกใบสั่งซื้อจนกระทั่งได้รับวัตถุดิบถึงคลังสินค้าโดยคำนวณหาค่าดังตารางที่ 1 โดยเป็นข้อมูลที่แสดงเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นในการสั่งซื้อสำหรับเป็นข้อมูลประกอบการคำนวณ
ตารางที่ 1 ต้นทุนการสั่งซื้อต่อครั้ง
รายการ
|
ค่าใช้จ่าย(บาท)
|
เอกสารการสั่งซื้อวัตถุดิบ
|
5
|
เอกสารในการตรวจรับ
|
5
|
เอกสารทางการบัญชี
|
10
|
ค่าโทรศัพท์
|
15
|
ค่าแรงในการออกใบสั่งซื้อสินค้า
|
100
|
รวม
|
135
|
ดังนั้น ต้นทุนในการสั่งซื้อลังกระดาษดูเม็กซ์ คิดเป็นค่าใช้จ่ายทั้งสิ้น
135 บาทต่อครั้ง
4.3.2 ต้นทุนการจัดเก็บ
ค่าใช้จ่ายในการจัดเก็บจะคำนวณจากต้นทุนดอกเบี้ยเงินจม
โดยคำนวณได้จาก
2 ส่วน คือ
1.
ดอกเบี้ยที่จมอยู่ในสินค้าคงคลัง เนื่องจากเงินที่ทางสหกรณ์นำมาซื้อลังกระดาษ
เป็นเงินของสหกรณ์เอง ซึ่งทำให้เกิดการเสียโอกาสของเงินลงทุนขึ้น
โดยประมาณเป็นอัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ร้อยละ 7 ต่อปี
2. ค่าใช้จ่ายในการประกันความเสี่ยง โดยสหกรณ์ต้องชำระในอัตราดอกเบี้ยร้อยละ
0.38 ต่อปี
โดยค่าใช้จ่ายเหล่านี้จะผันแปรไปตามปริมาณวัตถุดิบคงคลังที่เก็บรักษา
ดังนั้น ค่าใช้จ่ายในการจัดเก็บจะคำนวณจากต้นทุนดอกเบี้ยเงินจมในอัตราดอกเบี้ย
ร้อยละ 7.38 ต่อปี
ซึ่งสามารถคำนวณต้นทุนการถือครองสินค้าได้ดังนี้
ต้นทุนการจัดเก็บสินค้าต่อหน่วย
=
อัตราดอกเบี้ย x ต้นทุนต่อหน่วยสินค้า
4.3.3 ต้นทุนเนื่องจากวัตถุดิบขาดแคลน
ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจากการขาดวัตถุดิบในการศึกษาครั้งนี้ไม่มีเนื่องจากสหกรณ์ไม่มีการคิดต้นทุนดังกล่าวทำให้ไม่เกิดค่าใช้จ่ายในส่วนนี้เกิดขึ้น
เมื่อได้ต้นทุนแล้วจะนำไปทำการคำนวณ
เพื่อเปรียบเทียบหานโยบายการสั่งซื้อที่เหมาะสม
และหาทางเลือกที่ดีที่สุด
เพื่อให้เกิดค่าใช้จ่ายที่ต่ำสุดเปรียบเทียบกับการสั่งซื้อแบบเดิม
โดยนำข้อมูลปริมาณการสั่งซื้อและปริมาณการใช้วัตถุดิบในอดีตตั้งแต่เดือน
มกราคม ถึง ธันวาคม 2556
มาทำการเปรียบเทียบให้เห็นค่าใช้จ่ายที่ประหยัดได้
ตารางที่ 2 ค่าใช้จ่ายในการสั่งซื้อและค่าใช้จ่ายในการเก็บรักษา
รายการลังกระดาษ
|
ค่าใช้จ่ายในการสั่งซื้อ
|
ค่าใช้จ่ายในการเก็บรักษา
|
(บาท/ครั้ง)
|
(บาท/หน่วย/เดือน)
|
|
Dumex Mama UHT Prebio
Proteq Plain 180 ml.
|
135
|
0.0289
|
Dugro 1 Plus Plain 180
ml. ( Super Mixed )
|
135
|
0.0286
|
Dugro 3 Plus Plain 180
ml. ( Super Mixed )
|
135
|
0.0286
|
Hi-Q1+Prebio Proteq
Plain 180 ml.
|
135
|
0.0286
|
Hi-Q1+ Prebio Proteq
Plain 180 ml. (Pack12)
|
135
|
0.0286
|
Hi-Q1+ Prebio Proteq
Vanilla 180 ml.
|
135
|
0.0286
|
Hi-Q1+Prebio Proteq
Honey 180 ml.
|
135
|
0.0286
|
Hi-Q3+Prebio Proteq
Plain 180 ml.
|
135
|
0.0286
|
Hi-Q3+ Prebio Proteq
Plain 180 ml. (Pack12)
|
135
|
0.0286
|
Hi-Q3+ Prebio Proteq
Vanilla 180 ml.
|
135
|
0.0286
|
Hi-Q3+Prebio Proteq
Honey 180 ml.
|
135
|
0.0286
|
4.4 การกำหนดนโยบายการสั่งซื้อวัตถุดิบคงคลังด้วยระบบ
นโยบาย
เป็นนโยบายที่กำหนด ระดับสินค้าคงคลังที่ต้องมีการสั่งซื้อ (จุดสั่งซื้อ หรือ Reorder
point, ROP) และปริมาณการสั่งซื้อในแต่ละครั้งที่คงที่
นโยบายดังกล่าวเหมาะสมกับสินค้าคงคลังที่มีการใช้งานสม่ำเสมอ
4.4.1
การคำนวณหาปริมาณการสั่งซื้ออย่างประหยัด EOQ
โดยที่
= ปริมาณสั่งซื้อที่ประหยัด (หน่วยต่อครั้ง)
4.4.2 การคำนวณหาระดับสินค้าคงคลังเพื่อความปลอดภัย
(Safety Stock)
โดยที่
=
ปริมาณวัตถุดิบสำรอง (หน่วย)
4.4.3
การคำนวณหาระดับการสั่งซื้อใหม่ (Reorder Point)
โดยที่
= ระดับการสั่งซื้อใหม่ (หน่วย)
4.5
การกำหนดนโยบายการสั่งซื้อวัตถุดิบคงคลังด้วยระบบ
4.5.1
การคำนวณหารอบเวลาการสั่งซื้อ
โดยที่
= รอบเวลาการสั่งซื้อ
4.5.2
การคำนวณหา Order-up-to Level
โดยที่
4.6 การเปรียบเทียบค่าใช้จ่ายรวมระหว่างการสั่งซื้อแบบปัจจุบัน
การสั่งซื้อโดยใช้นโยบาย
และ
การสั่งซื้อโดยใช้นโยบาย
ข้อมูลที่จะนำมาศึกษาเป็นข้อมูลการเบิกใช้ลังกระดาษของนมดูเม็กซ์
ตั้งแต่เดือน มกราคม 2555 ถึง ธันวาคม 2555 เพื่อนำมาทำการวิเคราะห์หาปริมาณการสั่งซื้อสินค้า เมื่อคำนวณ ค่า Q*, ค่า ROP,
ค่า T และค่า S ได้แล้วจากนั้นนำไปแทนค่าตามนโยบาย (s,Q*) และ (T,S) โดยข้อมูลที่จะนำมาทดลองประยุกต์ใช้ เพื่อทำการเปรียบเทียบค่าใช้จ่ายรวม
จะเป็นข้อมูลในปี 2556 ตั้งแต่เดือน มกราคม ถึง ธันวาคม
โดยมีสมมติฐาน ดังนี้
1. สิ้นเดือนธันวาคม 2555 มีสินค้าคงคลังต้นงวดสำหรับสินค้าทั้ง
11 ประเภท
2. การเบิกใช้ลังกระดาษมีการใช้งานสม่ำเสมอ
3. มีการสั่งของ ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2555 และได้รับต้นเดือนมกราคม 2556
จากแผนการผลิตในปี 2555 ตั้งแต่เดือน มกราคม ถึง
ธันวาคม
ทำให้เราสามารถวางแผนนโยบายที่เหมาะสมสำหรับการสั่งซื้อลังกระดาษดูเม็กซ์ทั้งหมด 11 ประเภท โดยนำมาเปรียบเทียบกับนโยบายเดิมที่ทางสหกรณ์ได้ใช้อยู่ในปัจจุบัน ทำให้สามารถเปรียบเทียบค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น
ได้แก่ค่าใช้จ่ายในการสั่งซื้อ ค่าใช้จ่ายในการเก็บรักษาวัตถุดิบ และค่าใช้จ่ายรวมทำให้สามารถลดค่าใช้จ่ายรวมลง
5. สรุปผลการวิจัย
จากการดำเนินงานวิจัยครั้งนี้ในกรณีศึกษาสหกรณ์โคนมวังน้ำเย็น
พบปัญหาที่สำคัญคือทางสหกรณ์มีการจัดการสินค้าคงคลังที่ไม่เหมาะสม กล่าวคือ
สหกรณ์มีการสั่งซื้อและการจัดการเก็บวัตถุดิบไม่เป็นระบบ
ใช้ความเคยชินเป็นตัวตัดสินใจ ส่งผลให้เกิดต้นทุนรวมสูง ดังนั้นทางผู้วิจัยจึงทำการศึกษาและเก็บข้อมูลแผนการผลิต
การเบิกใช้วัตถุดิบคงคลังประเภทลังกระดาษของนมดูเม็กซ์ ทั้งหมด 11 ประเภท ในเดือน มกราคม ถึง ธันวาคม 2555
โดยเสนอแนวทางการแก้ปัญหาสั่งซื้อสินค้าด้วยระบบปริมาณการสั่งซื้อ เพื่อวิเคราะห์เปรียบเทียบนโยบายปัจจุบัน นโยบาย(s,Q*)
และนโยบาย(T,S) ที่ทำให้ค่าใช้จ่ายรวมต่ำสุด โดยเริ่มจากนำข้อมูลการเบิกใช้ลังกระดาษ
มาหาค่าสัมประสิทธิ์ความแปรปรวนที่มีค่าน้อยกว่า 0.25
ซึ่งแสดงว่ามีการกระจายตัวของข้อมูลน้อย
จากนั้นนำข้อมูลมาคำนวณหาค่าการสั่งซื้ออย่างประหยัด สินค้าคงคลังเพื่อความปลอดภัย
จุดสั่งซื้อใหม่ รอบเวลาการสั่งซื้อ และ ระดับสินค้าคงคลังสูงสุด
เพื่อทำการเปรียบเทียบนโยบายปัจจุบัน
นโยบาย(s,Q*) และนโยบาย(T,S) ในปี 2556 ตั้งแต่เดือน มกราคม ถึง
ธันวาคม ซึ่งสามารถสรุปผลได้ดังนี้
1.
การบริหารสินค้าคงคลังสามารถดำเนินงานได้อย่างมีระบบและแบบแผน
ทำให้สามารถวิเคราะห์ปริมาณการสั่งซื้อและการเก็บวัตถุดิบที่เหมาะสมในการจัดการสินค้าคงคลัง
2.
ค่าใช้จ่ายรวมที่เกิดขึ้นสำหรับลังกระดาษทั้ง 15 ชนิด
โดยการเปรียบเทียบค่าใช้จ่ายรวมระหว่างนโยบายปัจจุบันและ 2 นโยบายใหม่ คือ นโยบาย
(s,Q*)
และนโยบาย (T,S) สามารถลดต้นทุนรวมในปี 2556
ได้ 59,154.00 บาท หรือคิดเป็น 48.90%
และ 47,455.95 บาท หรือคิดเป็น 39.23%
ตามลำดับ โดยผลการเปรียบเทียบค่าใช้รวมของแต่ละนโยบายสำหรับลังกระดาษ 11 ประเภทจะแสดงดังตารางที่ 3
ตารางที่ 3 เปรียบเทียบค่าใช้จ่ายรวมของแต่ละนโยบาย ในเดือน มกราคม ถึง ธันวาคม 2556
รายการวัตถุดิบ
|
ต้นทุนค่าใช้จ่ายรวม (บาท)
|
||
นโยบายปัจจุบัน
|
นโยบาย(s,Q*)
|
นโยบาย(s,S)
|
|
Dumex Mama UHT Prebio Proteq Plain 180 ml.
|
7,270.03
|
3,240.49
|
3,663.29
|
Dugro 1 Plus Plain 180 ml. ( Super Mixed )
|
8,551.51
|
4,837.75
|
5,967.66
|
Dugro 3 Plus Plain 180 ml. ( Super Mixed )
|
10,732.18
|
4,882.31
|
5,599.28
|
Hi-Q1+Prebio Proteq Plain 180 ml.
|
13,317.20
|
8,551.35
|
10,286.98
|
Hi-Q1+ Prebio Proteq Plain 180 ml. (Pack12)
|
22,921.42
|
9,198.00
|
10,525.38
|
Hi-Q1+ Prebio Proteq Vanilla 180 ml.
|
8,186.15
|
3,866.10
|
4,622.64
|
Hi-Q1+Prebio Proteq Honey 180 ml.
|
9,565.09
|
5,109.86
|
6,225.02
|
Hi-Q3+Prebio Proteq Plain 180 ml.
|
9,078.65
|
5,579.09
|
6,782.79
|
Hi-Q3+ Prebio Proteq Plain 180 ml. (Pack12)
|
13,558.22
|
6,901.01
|
8,139.41
|
Hi-Q3+ Prebio Proteq Vanilla 180 ml.
|
6,739.13
|
3,845.98
|
4,810.62
|
Hi-Q3+Prebio Proteq Honey 180 ml.
|
11,056.60
|
5,810.23
|
6,897.15
|
รวม
|
120,976.17
|
61,822.17
|
73,520.22
|
3. จากรายการลังกระดาษทั้งหมด 11
ประเภท มีการจัดการสินค้าคงคลังที่เหมาะสมกับ
นโยบาย (s,Q*)
6. อภิปรายผลการวิจัย
การศึกษาการจัดการวัตถุดิบคงคลังของลังกระดาษดูเม็กซ์ทั้งหมด
11 ประเภท สรุปได้ว่าทางสหกรณ์โคนมวังน้ำเย็นสามารถนำนโยบาย
(s,Q*) มาใช้ทดแทนวิธีเดิม เนื่องจากทำให้ค่าใช้จ่ายรวมลดลงมากกว่านโยบายเดิมและนโยบาย(T,S)
และไม่พบการมีวัตถุดิบขาดมือ
ซึ่งถ้าทางสหกรณ์โคนมวังน้ำเย็นนำนโยบาย (s,Q*) นี้ไปประยุกต์ใช้จริงจะสามารถลดค่าใช้จ่ายจากการสั่งซื้อลังกระดาษดูเม็กซ์สามารถทำการผลิตนมดูเม็กซ์ได้ตามแผนการผลิตของบริษัทดูแม็กซ์
ส่งผลให้บริษัทดูเม็กซ์มีความเชื่อมั่นกับทางสหกรณ์โคนมวังน้ำเย็น
อีกทั้งลดต้นทุนรวม และสามารถเพิ่มกำไรให้กับทางสหกรณ์โคนมวังน้ำเย็นอีกด้วย
7. ข้อเสนอแนะ
นโยบาย (s,Q*) และนโยบาย
(T,S) เหมาะสำหรับข้อมูลที่มีการเบิกใช้ลังกระดาษอย่างสม่ำเสมอ
ซึ่งทั้ง 2 นโยบายนี้มีลักษณะเด่นแตกต่างกัน คือ นโยบาย (s,Q*)
จะได้ต้นทุนรวมต่ำสุด แต่มีการตรวจเช็คสต็อกสินค้าอย่างต่อเนื่อง
ขณะที่นโยบาย (T,S) สะดวกในการตรวจนับสินค้านั่นคือมีการตรวจเช็คสต็อกสินค้าตามช่วงเวลา
ดังนั้นบริษัทสามารถนำนโยบายทั้ง 2 นโยบายนี้
ไปใช้ให้เกิดประโยชน์แก่บริษัทได้ตามความเหมาะสมและพันธกิจของสหกรณ์โคนมวังน้ำเย็น
8. เอกสารอ้างอิง
Edward A. Silver,
David F. Pyke, Rein Peterson.1998.3 editions. Inventory Management and Production
Planning and Scheduling. New York: John Wiley & Sons, Inc.
วิชิต
หล่อจีระชุณห์กุล. ทฤษฎีสินค้าคงคลัง.พิมพ์ครั้งที่ 1. กรุงเทพ : 2536
ผศ.ดร.ธนัญญา
วสุศรี,
รศ.ดร.วลัยลักษณ์ อัตธีรวงศ์. 2552. การบริหารสินค้าคงคลัง. ในโครงการ พัฒนาหลักสูตร และ การฝึกอบรมโลจิสติกส์และซัพพลายเชน. รศ.ดร.รุธีร์
พนมยงค์. พิมพ์ครั้งที่ 2. สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา.
หน้า 7-9 และ 27-34
นึกรักษ์
หมื่นชนานันท์. 2551.
การวิเคราะห์ปริมาณการสั่งซื้อที่เหมาะสมเพื่อลดค่าใช้จ่ายในการ จัดการสินค้าคงคลัง. สารนิพนธ์คณะวิศวกรรมการจัดการอุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระ จอมเกล้าพระนครเหนือ.
สัมฤทธิ์
ดวงศรี. 2551.
การวิเคราะห์ปริมาณการสั่งซื้อที่เหมาะสมเพื่อลดค่าใช้จ่ายในการจัดการ สินค้าคงคลัง กรณีศึกษา:
การวางแผนความต้องการลูกรีด.
สารนิพนธ์คณะวิศวกรรมการจัดการอุตสาหกรรม
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น