วันจันทร์ที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

การหานโยบายการสั่งซื้อวัตถุดิบคงคลังประเภทลังกระดาษ : The Analysis Order Quantity for Carton Box

การหานโยบายการสั่งซื้อวัตถุดิบคงคลังประเภทลังกระดาษ
กรณีศึกษา สหกรณ์โคนมวังน้ำเย็น
The Analysis Order Quantity for Carton Box
Case Study: Wangnamyen Dairy Cooperative Limited

รัตติยา เต็มธารทิพย์
                                                                   
สาขาการจัดการโลจิสติกส์ คณะสถิติประยุกต์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์
rinlalida.porju@gmail.com



บทคัดย่อ

            งานวิจัยฉบับนี้ทำการศึกษาเกี่ยวกับการจัดการหานโยบายการสั่งซื้อวัตถุดิบคงคลังประเภทลังกระดาษ กรณีศึกษา สหกรณ์โคนมวังน้ำเย็น การวิจัยครั้งนี้จึงทำการศึกษานโยบายสินค้าคงคลังแบบ (s, Q*) และ (T, S) เพื่อเปรียบเทียบระหว่างนโยบายปัจจุบันและ 2 นโยบายใหม่ที่ทำให้ต้นทุนรวมต่ำที่สุด โดยนำข้อมูลการเบิกใช้ในปี 2555 จำนวน 11 ประเภท มาทดสอบหาการแจกแจงและการกระจายตัวของข้อมูล จากนั้นวิเคราะห์หาปริมาณการสั่งซื้อที่ประหยัด ระดับสินค้าคงคลังสำรอง จุดสั่งซื้อสินค้าใหม่ และระดับสินค้าคงคลังสูงสุดของลังกระดาษ จากผลการศึกษาเมื่อทำการเปรียบเทียบระหว่างนโยบายปัจจุบันและ 2 นโยบายใหม่ในเดือนมกราคม ถึง ธันวาคม 2556 พบว่านโยบายสินค้าคงคลังแบบ (s, Q*) และ (T, S) มีต้นทุนรวมต่ำกว่านโยบายปัจจุบันประมาณ 59,154 บาท หรือคิดเป็น 48.90% และ 47,455.95 บาท หรือคิดเป็น 39.23% ตามลำดับ

คำสำคัญ: นโยบายการสั่งซื้อ, นโยบายสินค้าคงคลังแบบ (s, Q*), นโยบายสินค้าคงคลังแบบ (T, S)

Abstract
                                                                                            
            The objective of this research is to study an inventory management for Wangnamyen Dairy Cooperative Limited. Mostly they have a problem either overstock which increases the company’s cost. Thus this research is to study (s, Q*) and (T, S) policies to compare between the present policy and 2 news policies that is the lowest cost. The regularly demand which is 11 types in 2012 is tested to find distribution and variability of a demand. Then there are analyze Economic order quantity, safety stock, reorder point and order up to level. The result of this research when there are compare between the present policy and 2 news policies on January – December  2013 found that (s, Q*) and (T, S) policies has lower total cost than present policy which is 59,154.00 baht or 48.90% and 47,455.95 baht or 39.23% respectively.

Keywords: inventory management, (s, Q*) policies, (T, S) policies


1. บทนำ
            ในปัจจุบันการแข่งขันทางธุรกิจที่สูงขึ้น ทำให้ทุกองค์กรต่างๆหากลยุทธ์ต่างๆเพื่อลดต้นทุนทางธุรกิจ เช่น การเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของบุคคลากร การปรับปรุงกระบวนการผลิต การผลิตสินค้าแบบเต็มพลังการผลิต การใช้บริการบริษัทขนส่ง (Third party logistics หรือ 3PL) และการบริการการจัดการสินค้าคงคลัง
ในการศึกษาครั้งนี้ได้ทำการศึกษา สหกรณ์โคนมวังน้ำเย็น ซึ่งเป็นโรงงานผลิตภัณฑ์นมแปรรูป ดำเนินกิจการด้านผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์นมแปรรูป ยูเอชที และพาสเจอร์ไรซ์ โดยสหกรณ์โคนมวังน้ำเย็น ได้ให้ความสำคัญกับการผลิตทุกขั้นตอน เริ่มตั้งแต่การคัดสรรวัตถุดิบคุณภาพสูง ผ่านการตรวจสอบให้ได้มาตรฐานสากลก่อนเข้าสู่กระบวนการผลิตที่มีประสิทธิภาพ เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ  โดยมีเป้าหมายในการสร้างกำไรสูงสุด อีกทั้งต้องมีสินค้าคงคลัง เก็บไว้เพื่อให้สามารถตอบสนองความพึงพอใจของลูกค้าได้ทันเวลา แต่การมีวัตถุดิบคงคลังมากเกินไป จะทำให้มีต้นทุนในการถือครองวัตถุดิบสูง แต่ถ้ามีการจัดเก็บวัตถุดิบน้อยเกินไปจะส่งผลให้ไม่เพียงพอต่อความต้องการของลูกค้า  ดังนั้นการบริหารสินค้าคงคลังจึงส่งผลกระทบต่อผลกำไรโดยตรง
            การเก็บรักษาและการควบคุมสินค้าคงคลังที่ดี จะช่วยให้สามารถกำหนดการสั่งซื้อให้ตรงตามความต้องการและในปริมาณที่เหมาะสม เนื่องจากปริมาณวัสดุคงคลังมีผลกระทบต่อความสามารถในการผลิตของเครื่องจักรอย่างสูง ถ้าหากไม่ได้เตรียมไว้หรือเตรียมไว้ไม่เพียงพอต่อความต้องการใช้งาน  ทำให้เกิดความสูญเสียเมื่อไม่มีวัสดุเพียงพอในการผลิตทำให้การผลิตต้องหยุดชะงักเพื่อรอวัสดุคงคลัง  การจัดเก็บวัสดุคงคลังในปริมาณที่ต่ำ เกินไป  สามารถนำไปสู่ความเสี่ยงต่อการสูญเสียโอกาสในการผลิต และถ้าหากปริมาณวัสดุคงคลังมีปริมาณมากเกินความต้องการใช้งานจะนำไปสู่การสูญเสียค่าใช้จ่ายในการถือครอง จึงเห็นได้ว่า สินค้าคงคลัง มีความสำคัญต่อธุรกิจเป็นอย่างมาก ในฐานการผลิตของสหกรณ์นั้นสามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ชนิดหลักๆ คือ นมตราวังน้ำเย็น  นมโรงเรียน  และยังรับจ้างผลิตนมยูเอชทีให้บริษัท ดูเม็กซ์ จำกัด อีกด้วย
            ทั้งนี้จากการศึกษาในขั้นตอนการจัดหาและจัดซื้อวัตถุดิบ พบว่า โรงงานกรณีศึกษายังไม่มีการจัดหาปริมาณวัตถุดิบคงคลังสำรองให้เหมาะสม  ปริมาณในการสั่งซื้อวัตถุดิบแต่ละครั้งมีความคลาดเคลื่อนจากแผนการผลิตเป็นจำนวนมาก เนื่องจากปริมาณการสั่งซื้อวัตถุดิบในแต่ละครั้งจะขึ้นอยู่กับประสบการณ์ของพนักงานจัดซื้อผู้รับผิดชอบที่อาศัยเพียงบันทึกข้อมูลจากการตรวจนับวัตถุดิบประจำเดือนและการคาดเดาตามการเบิกใช้ข้อมูลในอดีต โดยไม่มีนโยบายวางแผนทำงานที่ชัดเจน จนอาจเป็นเหตุให้โรงงานสูญเสียค่าใช้จ่ายต่างๆเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะในด้านการจัดเก็บวัตถุดิบคงคลัง ดังนั้นจึงต้องมีหลักในการสั่งซื้อที่เหมาะสมกับปริมาณการใช้งานจะช่วยลดต้นทุนการสั่งซื้อและการจัดเก็บสินค้าอีกด้วย

2. วัตถุประสงค์ในการวิจัย
            1. เพื่อหาปริมาณการสั่งซื้อลังกระดาษที่เหมาะสมของลังกระดาษแต่ละประเภท
            2. เพื่อหาปริมาณจุดสั่งซื้อที่เหมาะสมของลังกระดาษแต่ละประเภท
            3. เพื่อลดต้นทุนและค่าใช้จ่ายในการสั่งซื้อและจัดเก็บวัตถุดิบคงคลังที่มีเกินความจำเป็น

3. เอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง
            นึกรักษ์ หมื่นชนานันท์ (2551) งานวิจัยฉบับนี้ทำการศึกษาหาปริมาณการสั่งซื้อสินค้าที่เหมาะสมของบริษัท Dynamic Flow Line จำกัดโดยบริษัทนำเข้าสินค้า Cast Steel Valve จากต่างประเทศ ซึ่งแต่ละชนิดมีปริมาณและช่วงเวลาที่ต้องการสินค้าแตกต่างกัน สินค้าที่นำมาศึกษามี 4 ชนิด ในการศึกษาครั้งนี้ได้ใช้ทฤษฎี Economic Order Quantity (EOQ) แบบ Basic Model เพื่อลดค่าใช้จ่ายในการจัดเก็บและจำนวนสต็อกสินค้าให้น้อยลงโดยผลที่ ได้จากการคำนวณพบว่าสามารถลดค่าใช้จ่ายลงประมาณ 2.61% หรือ 1,240,987.50 บาท และสามารถลดจำนวนสต็อกสินค้าได้มากกว่า 10% ของจำนวนสินค้าทั้งหมด
            สัมฤทธิ์ ดวงศรี (2551) งานวิจัยนี้ทำการศึกษาหาปริมาณการสั่งซื้อที่เหมาะสมเพื่อลดค่าใช้จ่ายในการสั่งซื้อและลดจำนวนสต็อกสินค้าให้น้อยลง โดยใช้ทฤษฎี EOQ และ ROP ในการคำนวณหาปริมาณการสั่งซื้อที่เหมาะสมและจุดสั่งซื้อใหม่ในการควบคุมสินค้าคงคลัง จากการวิเคราะห์ผลการคำนวณพบว่าการสั่งซื้อด้วยวิธี EOQ มีค่าใช้จ่ายในการสั่งซื้อต่อครั้งและค่าเสียโอกาสในการสั่งซื้อน้อยกว่าการสั่งซื้อแบบเก่า โดยสามารถลดค่าใช้จ่ายในการสั่งซื้อสินค้าได้ 22,935,255 บาท และลดสต็อกลงได้ 54.66% คิดเป็นเงิน 10,200,000 บาท

4. วิธีการดำเนินการวิจัย
                การวิจัยเรื่อง การวิเคราะห์หาปริมาณการสั่งซื้อวัตถุดิบคงคลังประเภทลังกระดาษที่เหมาะสม โดยทำการศึกษาจากสหกรณ์โคนมวังน้ำเย็นซึ่งเป็นบริษัทที่ทำการรับจ้างผลิตนมดูเม็กซ์ทั้งหมด 11 ชนิด โดยการวิจัยในครั้งนี้มีวิธีการดำเนินงานดังนี้
            1. ศึกษาปัญหาที่เกิดขึ้นในระบบการสั่งซื้อวัตถุดิบในปัจจุบัน
            2. ทดสอบปริมาณการเบิกใช้ลัง
            3. คำนวณหาค่าใช้จ่ายในการสั่งซื้อ และ ค่าใช้จ่ายในการจัดเก็บจัดเก็บ
            4. การกำหนดนโยบายการสั่งซื้อวัตถุดิบคงคลังด้วยระบบ
            5. การกำหนดนโยบายการสั่งซื้อวัตถุดิบคงคลังด้วยระบบ
            6. การเปรียบเทียบค่าใช้จ่ายรวมระหว่างการสั่งซื้อแบบปัจจุบัน การสั่งซื้อโดยใช้ นโยบาย และ              การสั่งซื้อโดยใช้นโยบาย

4.1 ศึกษาปัญหาที่เกิดขึ้นในระบบการสั่งซื้อวัตถุดิบในปัจจุบัน
            การสั่งซื้อวัตถุดิบจะเริ่มจากการได้รับแผนการผลิตจากบริษัทดูเม็กซ์ที่ได้ทำการกำหนดปริมาณการผลิตเป็นรายปีมาให้ล่วงหน้า ซึ่งในบางครั้งอาจมีการปรับเปลี่ยนแผนการผลิตในระหว่างเดือน และทำการส่งต่อไปยังฝ่ายจัดซื้อของสหกรณ์โคนมวังน้ำเย็น จากนั้นพนักงานแผนกจัดซื้อจะนำข้อมูลปริมาณวัตถุดิบคงคลังที่เหลือในคลังมาทำการหักออกจะได้ผลลัพธ์ของปริมาณวัตถุดิบที่ต้องใช้จริง ซึ่งในขั้นตอนนี้ในการคำนวณของฝ่ายจัดซื้อจะทำการยอดการสั่งซื้อลังกระดาษเพิ่มขึ้นเพื่อรองรับต่อการเปลี่ยนแผนการผลิตโดยเฉพาะบางรายการที่มีปริมาณการใช้งานเป็นจำนวนมากเผื่อไว้โดยอาศัยฐานข้อมูลของปริมาณการใช้ในอดีตที่ผ่านมา และทำการบวกเพิ่มไปอีกเป็นข้อมูลการประมาณการณ์โดยยังไม่มีหลักการณ์หรือทฤษฎีมารองรับ จุดประสงค์เพื่อป้องกันการขาดวัตถุดิบกรณีที่มีการปรับเปลี่ยนแผนอย่างเร่งด่วน แล้วทำการออกใบสั่งซื้อไปยังผู้ขาย จากนั้นทำการติดตามการส่งมอบกับทางแผนกคลังสินค้าว่าได้รับวัตถุดิบตรงเวลาและพอดีกับความต้องการใช้ในการผลิตหรือไม่เพื่อไม่ให้กระทบกับการผลิต
            เนื่องจากแผนสั่งผลิตนมชนิดต่างๆมีการส่งแผนล่วงหน้าให้เป็นรายปี   และบางช่วงอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงแผนการผลิตประกอบกับนมดูเม็กซ์มีทั้งหมด 11 ประเภท   ทำให้มีการเก็บวัตถุดิบต่างๆไว้เป็นจำนวนมาก  จะใช้วิธีในการสั่งซื้อมาเผื่อไว้ตลอดทั้งที่ยังมีสต็อกเก่าเพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการเบิกใช้วัตถุดิบในกระบวนการผลิต  โดยเฉพาะวัตถุดิบประเภทลังกระดาษที่จะต้องใช้พื้นที่ในการจัดเก็บค่อนข้างมาก   เพราะถ้าหากขาดวัตถุดิบไปจะทำให้สหกรณ์ต้องเลื่อนการผลิตและไม่สามารถส่งสินค้าได้ตรงตามเวลา     ขณะเดียวกันสหกรณ์ไม่ได้คำนึงถึงปริมาณการสั่งซื้อที่เหมาะสมรวมถึงค่าใช้จ่ายในการสั่งซื้อและค่าใช้จ่ายในการจัดเก็บ   โดยทางสหกรณ์มีการกำหนดการสั่งซื้อวัตถุดิบตามความเคยชินและไม่มีระบบที่แน่นอน   จากปัญหาดังกล่าวส่งผลที่ตามมาคือหากมีปริมาณวัสดุคงคลังมากเกินไปจะทำให้ต้นทุนในการจัดเก็บสินค้าคงคลังสูงเกินความจำเป็น  ดังนั้นทางผู้วิจัยจึงศึกษาข้อมูลการเบิกใช้ลังกระดาษของนมดูเม็กซ์ทั้งหมด  11  ประเภท   โดยเก็บรวบรวมข้อมูลการเบิกใช้ตั้งแต่เดือน มกราคม 2555 ถึง ธันวาคม 2556

4.2 ทดสอบปริมาณการเบิกใช้ลังกระดาษในอดีต
            ตรวจสอบข้อมูลการใช้ลังกระดาษในอดีตว่ามีการแจกแจงแบบใด โดยใช้โปรแกรม Minitab ซึ่งข้อมูลที่จะนำมาใช้ในการวิเคราะห์จะต้องมีการแจกแจงแบบ Normal Distribution โดยการทดสอบจะอยู่ภายใต้สมมติฐาน ดังนี้
            กำหนด H0 : ข้อมูลที่ใช้ทดสอบมีการแจกแจงแบบปกติ (Normal Distribution)
                        H1 : ข้อมูลที่ใช้ทดสอบไม่มีการแจกแจงแบบปกติ  (Non-Normal Distribution)
และกำหนดให้ระดับนัยสำคัญ (α) = 0.05 ซึ่งได้ผลการทดสอบดังรูป

                       
รูปที่ 1 ผลการทดสอบการแจกแจงของข้อมูลการเบิกใช้ลังกระดาษ
Dumex Mama UHT Prebio Proteq Plain 180 ml. ของปี 2555

            จากรูปที่ 1 พบว่าการเบิกใช้ลังกระดาษ Dumex Mama UHT Prebio Proteq Plain 180 ml.  มีการแจกแจงแบบปกติ โดยดูจากค่า P-value กล่าวคือ ถ้า P-value มีค่ามากกว่า α ซึ่งเท่ากับ 0.05 แสดงว่าข้อมูลที่ใช้ทดสอบมีการแจกแจงแบบปกติ และจากการทดสอบหาการแจกแจงลังกระดาษอีก 11 ประเภทนั้น ได้ทำการทดสอบแบบเดียวกัน โดยทดสอบหาค่าการแจกแจงได้ว่า ข้อมูลทุกชุดนั้นไม่ปฏิเสธการแจกแจงแบบปกติ ดังนั้นจึงสามารถสรุปได้ว่า ข้อมูลทุกชุดมีการแจกแจงแบบปกติ จากนั้นทำการทดสอบการกระจายตัวของข้อมูลด้วย Peterson-Silver Rule โดยวัดจากค่าสัมประสิทธิ์ความแปรปรวน (Coefficient of Variation, CV) เพื่อวัดระดับความต้องการลังกระดาษว่ามีลักษณะคงที่หรือไม่
            โดยที่     SD    =    ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน
                             =    ค่าเฉลี่ย
โดยสามารถสรุปผลได้ดังนี้
            1. ถ้าค่า CV ที่คำนวณได้มีค่าน้อยกว่า 0.25 แสดงว่าระดับความต้องการใช้ลังกระดาษมีลักษณะคงที่ ดังนั้นสามารถที่จะใช้ EOQ ในการคำนวณปริมาณการสั่งซื้อได้
            2. ถ้าค่า CV ที่คำนวณได้มีค่ามากกว่าหรือเท่ากับ 0.25 แสดงว่าระดับความต้องการใช้ลังกระดาษความแปรปรวน ดังนั้นต้องใช้วิธีการอื่นในการคำนวณ เช่น Silver-Meal
            จากการคำนวณพบว่า ค่าสัมประสิทธิ์ของความผันแปรของลังกระดาษนมดูเม็กซ์ทั้งหมด 11 ประเภท มีค่าการผันแปร ต่ำกว่า 0.25 ซึ่งสามารถทำให้ใช้วิธีปริมาณการสั่งซื้อที่ประหยัด ได้

4.3 คำนวณหาค่าใช้จ่ายในการสั่งซื้อ (Setup Cost) ค่าใช้จ่ายในการจัดเก็บ (Holding Cost) และค่าใช้จ่ายเนื่องจากของขาดแคลน (Shortage Cost)
               
                                4.3.1 ต้นทุนการสั่งซื้อ
                        ต้นทุนการสั่งซื้อที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้จะนับตั้งแต่ตอนออกใบสั่งซื้อจนกระทั่งได้รับวัตถุดิบถึงคลังสินค้าโดยคำนวณหาค่าดังตารางที่ 1 โดยเป็นข้อมูลที่แสดงเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นในการสั่งซื้อสำหรับเป็นข้อมูลประกอบการคำนวณ

ตารางที่ 1 ต้นทุนการสั่งซื้อต่อครั้ง
รายการ
ค่าใช้จ่าย(บาท)
เอกสารการสั่งซื้อวัตถุดิบ
5
เอกสารในการตรวจรับ
5
เอกสารทางการบัญชี
10
ค่าโทรศัพท์
15
ค่าแรงในการออกใบสั่งซื้อสินค้า
100
รวม
135

            ดังนั้น ต้นทุนในการสั่งซื้อลังกระดาษดูเม็กซ์ คิดเป็นค่าใช้จ่ายทั้งสิ้น 135 บาทต่อครั้ง

4.3.2 ต้นทุนการจัดเก็บ
                        ค่าใช้จ่ายในการจัดเก็บจะคำนวณจากต้นทุนดอกเบี้ยเงินจม โดยคำนวณได้จาก 2 ส่วน คือ
            1. ดอกเบี้ยที่จมอยู่ในสินค้าคงคลัง เนื่องจากเงินที่ทางสหกรณ์นำมาซื้อลังกระดาษ เป็นเงินของสหกรณ์เอง ซึ่งทำให้เกิดการเสียโอกาสของเงินลงทุนขึ้น โดยประมาณเป็นอัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ร้อยละ 7  ต่อปี
            2. ค่าใช้จ่ายในการประกันความเสี่ยง โดยสหกรณ์ต้องชำระในอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 0.38   ต่อปี
            โดยค่าใช้จ่ายเหล่านี้จะผันแปรไปตามปริมาณวัตถุดิบคงคลังที่เก็บรักษา ดังนั้น ค่าใช้จ่ายในการจัดเก็บจะคำนวณจากต้นทุนดอกเบี้ยเงินจมในอัตราดอกเบี้ย ร้อยละ 7.38 ต่อปี ซึ่งสามารถคำนวณต้นทุนการถือครองสินค้าได้ดังนี้
ต้นทุนการจัดเก็บสินค้าต่อหน่วย  =  อัตราดอกเบี้ย  x  ต้นทุนต่อหน่วยสินค้า


4.3.3 ต้นทุนเนื่องจากวัตถุดิบขาดแคลน
                        ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจากการขาดวัตถุดิบในการศึกษาครั้งนี้ไม่มีเนื่องจากสหกรณ์ไม่มีการคิดต้นทุนดังกล่าวทำให้ไม่เกิดค่าใช้จ่ายในส่วนนี้เกิดขึ้น
            เมื่อได้ต้นทุนแล้วจะนำไปทำการคำนวณ   เพื่อเปรียบเทียบหานโยบายการสั่งซื้อที่เหมาะสม และหาทางเลือกที่ดีที่สุด  เพื่อให้เกิดค่าใช้จ่ายที่ต่ำสุดเปรียบเทียบกับการสั่งซื้อแบบเดิม   โดยนำข้อมูลปริมาณการสั่งซื้อและปริมาณการใช้วัตถุดิบในอดีตตั้งแต่เดือน มกราคม ถึง ธันวาคม 2556  มาทำการเปรียบเทียบให้เห็นค่าใช้จ่ายที่ประหยัดได้

ตารางที่ 2 ค่าใช้จ่ายในการสั่งซื้อและค่าใช้จ่ายในการเก็บรักษา

รายการลังกระดาษ
ค่าใช้จ่ายในการสั่งซื้อ
ค่าใช้จ่ายในการเก็บรักษา
(บาท/ครั้ง)
(บาท/หน่วย/เดือน)
Dumex Mama UHT Prebio Proteq Plain 180 ml.
135
0.0289
Dugro 1 Plus Plain 180 ml. ( Super Mixed )
135
0.0286
Dugro 3 Plus Plain 180 ml. ( Super Mixed )
135
0.0286
Hi-Q1+Prebio Proteq Plain 180 ml.
135
0.0286
Hi-Q1+ Prebio Proteq Plain 180 ml. (Pack12)
135
0.0286
Hi-Q1+ Prebio Proteq Vanilla 180 ml.
135
0.0286
Hi-Q1+Prebio Proteq Honey 180 ml.
135
0.0286
Hi-Q3+Prebio Proteq Plain 180 ml.
135
0.0286
Hi-Q3+ Prebio Proteq Plain 180 ml. (Pack12)
135
0.0286
Hi-Q3+ Prebio Proteq Vanilla 180 ml.
135
0.0286
Hi-Q3+Prebio Proteq Honey 180 ml.
135
0.0286

4.4 การกำหนดนโยบายการสั่งซื้อวัตถุดิบคงคลังด้วยระบบ
             นโยบาย เป็นนโยบายที่กำหนด   ระดับสินค้าคงคลังที่ต้องมีการสั่งซื้อ   (จุดสั่งซื้อ หรือ Reorder point, ROP)  และปริมาณการสั่งซื้อในแต่ละครั้งที่คงที่  นโยบายดังกล่าวเหมาะสมกับสินค้าคงคลังที่มีการใช้งานสม่ำเสมอ                          
4.4.1 การคำนวณหาปริมาณการสั่งซื้ออย่างประหยัด EOQ


            โดยที่          =   ปริมาณสั่งซื้อที่ประหยัด (หน่วยต่อครั้ง)
                               =   อัตราการใช้ (หน่วยต่อเดือน)
                               =   ต้นทุนในการสั่งสินค้าแต่ละครั้ง (บาทต่อครั้ง)
                                 =   ค่าใช้จ่ายในการจัดเก็บสินค้า (บาทต่อหน่วยต่อเดือน)
4.4.2 การคำนวณหาระดับสินค้าคงคลังเพื่อความปลอดภัย (Safety Stock)


            โดยที่           =    ปริมาณวัตถุดิบสำรอง (หน่วย)
                                =   ค่ามาตรฐานจากตารางพื้นที่ใต้โค้งปกติ
                              =   ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานของปริมาณความต้องการ
                                 =   ช่วงเวลานำ (เดือน)

                                4.4.3 การคำนวณหาระดับการสั่งซื้อใหม่ (Reorder Point)


            โดยที่       =   ระดับการสั่งซื้อใหม่ (หน่วย)
                               =   อัตราการใช้ (หน่วยต่อเดือน)
                                 =   ช่วงเวลานำ (เดือน)
                              =   ปริมาณวัตถุดิบสำรอง (หน่วย)               
           
                4.5 การกำหนดนโยบายการสั่งซื้อวัตถุดิบคงคลังด้วยระบบ  

                                4.5.1 การคำนวณหารอบเวลาการสั่งซื้อ

            โดยที่              =   รอบเวลาการสั่งซื้อ
                              =   ปริมาณการสั่งซื้อแบบประหยัด (หน่วย)
                                 =   แผนการผลิต ณ ช่วงเวลาหนึ่ง (หน่วย)
                               
                                4.5.2 การคำนวณหา Order-up-to Level  


            โดยที่   
                       
                               =  ปริมาณที่สูงที่สุดสำหรับสินค้าคงคลัง (หน่วย)
                          =  ปริมาณความต้องการเฉลี่ยในช่วง Review Period และช่วงเวลารอคอยสินค้า                                              =  ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานในช่วง Review Period และช่วงเวลารอคอยสินค้า
                               =   ค่าระดับความเชื่อมั่นว่าจะมีสินค้าเพียงพอต่อความต้องการ
                               =  ปริมาความต้องการเฉลี่ย
                               =  Review Period
                               =  ช่วงเวลารอคอยสินค้า

4.6 การเปรียบเทียบค่าใช้จ่ายรวมระหว่างการสั่งซื้อแบบปัจจุบัน การสั่งซื้อโดยใช้นโยบาย  และ การสั่งซื้อโดยใช้นโยบาย
            ข้อมูลที่จะนำมาศึกษาเป็นข้อมูลการเบิกใช้ลังกระดาษของนมดูเม็กซ์ ตั้งแต่เดือน มกราคม 2555 ถึง ธันวาคม 2555 เพื่อนำมาทำการวิเคราะห์หาปริมาณการสั่งซื้อสินค้า เมื่อคำนวณ ค่า Q*, ค่า ROP, ค่า T และค่า S ได้แล้วจากนั้นนำไปแทนค่าตามนโยบาย (s,Q*) และ (T,S) โดยข้อมูลที่จะนำมาทดลองประยุกต์ใช้  เพื่อทำการเปรียบเทียบค่าใช้จ่ายรวม จะเป็นข้อมูลในปี 2556 ตั้งแต่เดือน มกราคม ถึง  ธันวาคม
            โดยมีสมมติฐาน ดังนี้
                        1. สิ้นเดือนธันวาคม 2555 มีสินค้าคงคลังต้นงวดสำหรับสินค้าทั้ง 11 ประเภท
                        2. การเบิกใช้ลังกระดาษมีการใช้งานสม่ำเสมอ
                        3. มีการสั่งของ ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2555 และได้รับต้นเดือนมกราคม 2556
            จากแผนการผลิตในปี 2555 ตั้งแต่เดือน มกราคม ถึง  ธันวาคม  ทำให้เราสามารถวางแผนนโยบายที่เหมาะสมสำหรับการสั่งซื้อลังกระดาษดูเม็กซ์ทั้งหมด  11  ประเภท  โดยนำมาเปรียบเทียบกับนโยบายเดิมที่ทางสหกรณ์ได้ใช้อยู่ในปัจจุบัน  ทำให้สามารถเปรียบเทียบค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น ได้แก่ค่าใช้จ่ายในการสั่งซื้อ ค่าใช้จ่ายในการเก็บรักษาวัตถุดิบ  และค่าใช้จ่ายรวมทำให้สามารถลดค่าใช้จ่ายรวมลง

5. สรุปผลการวิจัย
            จากการดำเนินงานวิจัยครั้งนี้ในกรณีศึกษาสหกรณ์โคนมวังน้ำเย็น พบปัญหาที่สำคัญคือทางสหกรณ์มีการจัดการสินค้าคงคลังที่ไม่เหมาะสม กล่าวคือ สหกรณ์มีการสั่งซื้อและการจัดการเก็บวัตถุดิบไม่เป็นระบบ ใช้ความเคยชินเป็นตัวตัดสินใจ ส่งผลให้เกิดต้นทุนรวมสูง ดังนั้นทางผู้วิจัยจึงทำการศึกษาและเก็บข้อมูลแผนการผลิต การเบิกใช้วัตถุดิบคงคลังประเภทลังกระดาษของนมดูเม็กซ์ ทั้งหมด 11  ประเภท ในเดือน มกราคม ถึง ธันวาคม 2555 โดยเสนอแนวทางการแก้ปัญหาสั่งซื้อสินค้าด้วยระบบปริมาณการสั่งซื้อ  เพื่อวิเคราะห์เปรียบเทียบนโยบายปัจจุบัน  นโยบาย(s,Q*)  และนโยบาย(T,S) ที่ทำให้ค่าใช้จ่ายรวมต่ำสุด  โดยเริ่มจากนำข้อมูลการเบิกใช้ลังกระดาษ มาหาค่าสัมประสิทธิ์ความแปรปรวนที่มีค่าน้อยกว่า 0.25 ซึ่งแสดงว่ามีการกระจายตัวของข้อมูลน้อย จากนั้นนำข้อมูลมาคำนวณหาค่าการสั่งซื้ออย่างประหยัด สินค้าคงคลังเพื่อความปลอดภัย จุดสั่งซื้อใหม่ รอบเวลาการสั่งซื้อ และ ระดับสินค้าคงคลังสูงสุด เพื่อทำการเปรียบเทียบนโยบายปัจจุบัน  นโยบาย(s,Q*)  และนโยบาย(T,S) ในปี 2556 ตั้งแต่เดือน มกราคม ถึง ธันวาคม ซึ่งสามารถสรุปผลได้ดังนี้
            1. การบริหารสินค้าคงคลังสามารถดำเนินงานได้อย่างมีระบบและแบบแผน ทำให้สามารถวิเคราะห์ปริมาณการสั่งซื้อและการเก็บวัตถุดิบที่เหมาะสมในการจัดการสินค้าคงคลัง
            2. ค่าใช้จ่ายรวมที่เกิดขึ้นสำหรับลังกระดาษทั้ง 15 ชนิด โดยการเปรียบเทียบค่าใช้จ่ายรวมระหว่างนโยบายปัจจุบันและ 2 นโยบายใหม่ คือ นโยบาย (s,Q*) และนโยบาย (T,S) สามารถลดต้นทุนรวมในปี 2556 ได้  59,154.00 บาท หรือคิดเป็น 48.90% และ  47,455.95 บาท หรือคิดเป็น 39.23% ตามลำดับ โดยผลการเปรียบเทียบค่าใช้รวมของแต่ละนโยบายสำหรับลังกระดาษ 11 ประเภทจะแสดงดังตารางที่ 3




ตารางที่ 3 เปรียบเทียบค่าใช้จ่ายรวมของแต่ละนโยบาย ในเดือน มกราคม ถึง ธันวาคม 2556
รายการวัตถุดิบ
ต้นทุนค่าใช้จ่ายรวม (บาท)
นโยบายปัจจุบัน
นโยบาย(s,Q*)
นโยบาย(s,S)
  Dumex Mama UHT Prebio Proteq Plain 180 ml.
        7,270.03
        3,240.49
        3,663.29
  Dugro 1 Plus Plain 180 ml. ( Super Mixed )
        8,551.51
        4,837.75
        5,967.66
  Dugro 3 Plus Plain 180 ml. ( Super Mixed )
      10,732.18
        4,882.31
        5,599.28
  Hi-Q1+Prebio Proteq Plain 180 ml.
      13,317.20
        8,551.35
      10,286.98
  Hi-Q1+ Prebio Proteq Plain 180 ml. (Pack12)
      22,921.42
        9,198.00
      10,525.38
  Hi-Q1+ Prebio Proteq Vanilla 180 ml.
        8,186.15
        3,866.10
        4,622.64
  Hi-Q1+Prebio Proteq Honey 180 ml.
        9,565.09
        5,109.86
        6,225.02
  Hi-Q3+Prebio Proteq Plain 180 ml.
        9,078.65
        5,579.09
        6,782.79
  Hi-Q3+ Prebio Proteq Plain 180 ml. (Pack12)
      13,558.22
        6,901.01
        8,139.41
  Hi-Q3+ Prebio Proteq Vanilla 180 ml.
        6,739.13
        3,845.98
        4,810.62
  Hi-Q3+Prebio Proteq Honey 180 ml.
      11,056.60
        5,810.23
        6,897.15
รวม
120,976.17
61,822.17
73,520.22

            3. จากรายการลังกระดาษทั้งหมด 11 ประเภท มีการจัดการสินค้าคงคลังที่เหมาะสมกับ  นโยบาย (s,Q*)          

6. อภิปรายผลการวิจัย
            การศึกษาการจัดการวัตถุดิบคงคลังของลังกระดาษดูเม็กซ์ทั้งหมด 11 ประเภท สรุปได้ว่าทางสหกรณ์โคนมวังน้ำเย็นสามารถนำนโยบาย (s,Q*) มาใช้ทดแทนวิธีเดิม เนื่องจากทำให้ค่าใช้จ่ายรวมลดลงมากกว่านโยบายเดิมและนโยบาย(T,S) และไม่พบการมีวัตถุดิบขาดมือ ซึ่งถ้าทางสหกรณ์โคนมวังน้ำเย็นนำนโยบาย (s,Q*) นี้ไปประยุกต์ใช้จริงจะสามารถลดค่าใช้จ่ายจากการสั่งซื้อลังกระดาษดูเม็กซ์สามารถทำการผลิตนมดูเม็กซ์ได้ตามแผนการผลิตของบริษัทดูแม็กซ์ ส่งผลให้บริษัทดูเม็กซ์มีความเชื่อมั่นกับทางสหกรณ์โคนมวังน้ำเย็น อีกทั้งลดต้นทุนรวม และสามารถเพิ่มกำไรให้กับทางสหกรณ์โคนมวังน้ำเย็นอีกด้วย        
           
7. ข้อเสนอแนะ
            นโยบาย (s,Q*) และนโยบาย (T,S) เหมาะสำหรับข้อมูลที่มีการเบิกใช้ลังกระดาษอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งทั้ง 2 นโยบายนี้มีลักษณะเด่นแตกต่างกัน คือ นโยบาย (s,Q*) จะได้ต้นทุนรวมต่ำสุด แต่มีการตรวจเช็คสต็อกสินค้าอย่างต่อเนื่อง ขณะที่นโยบาย (T,S) สะดวกในการตรวจนับสินค้านั่นคือมีการตรวจเช็คสต็อกสินค้าตามช่วงเวลา ดังนั้นบริษัทสามารถนำนโยบายทั้ง 2 นโยบายนี้ ไปใช้ให้เกิดประโยชน์แก่บริษัทได้ตามความเหมาะสมและพันธกิจของสหกรณ์โคนมวังน้ำเย็น

8. เอกสารอ้างอิง
Edward A. Silver, David F. Pyke, Rein Peterson.1998.3 editions. Inventory Management and Production Planning and Scheduling. New York: John Wiley & Sons, Inc.
วิชิต หล่อจีระชุณห์กุล. ทฤษฎีสินค้าคงคลัง.พิมพ์ครั้งที่ 1. กรุงเทพ : 2536
ผศ.ดร.ธนัญญา วสุศรี, รศ.ดร.วลัยลักษณ์ อัตธีรวงศ์. 2552. การบริหารสินค้าคงคลัง. ในโครงการ     พัฒนาหลักสูตร และ การฝึกอบรมโลจิสติกส์และซัพพลายเชน. รศ.ดร.รุธีร์ พนมยงค์. พิมพ์ครั้งที่ 2. สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา. หน้า 7-9 และ 27-34
นึกรักษ์ หมื่นชนานันท์. 2551. การวิเคราะห์ปริมาณการสั่งซื้อที่เหมาะสมเพื่อลดค่าใช้จ่ายในการ              จัดการสินค้าคงคลัง. สารนิพนธ์คณะวิศวกรรมการจัดการอุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระ        จอมเกล้าพระนครเหนือ.

สัมฤทธิ์ ดวงศรี. 2551. การวิเคราะห์ปริมาณการสั่งซื้อที่เหมาะสมเพื่อลดค่าใช้จ่ายในการจัดการ               สินค้าคงคลัง                 กรณีศึกษา: การวางแผนความต้องการลูกรีด. สารนิพนธ์คณะวิศวกรรมการจัดการอุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น